Header Image
เปิด 10 นโยบายเร่งด่วน ‘พิชัย นริพทะพันธุ์’ รัฐมนตรีป้ายแดงกระทรวงพาณิชย์ ‘เศรษฐกิจไทยโตต่ำ กินบุญเก่ามานาน ถึงเวลาปรับโครงสร้างส่งออกให้ทันสมัย’
watermark

รัฐมนตรีใหม่เริ่มการทำงานวันแรกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รวมถึงรัฐมนตรีใน ‘กระทรวงเศรษฐกิจ’ ที่มีบทบาทภารกิจสำคัญต่อเศรษฐกิจ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ พิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นรัฐมนตรีใหม่เพียงคนเดียวในรัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร

โดยพิชัยมาพร้อมกับ 10 นโยบายเร่งด่วนแก้ปัญหาเศรษฐกิจไทย โดยย้ำว่า ถึงเวลาแล้วที่ไทยต้อง ‘ปรับโครงสร้างการส่งออกให้ทันสมัย’ เพราะเศรษฐกิจไทยเติบโตต่ำมานานเกือบ 10 ปี เพียงแค่ 1.9% ซึ่งที่ผ่านมาเรากินบุญเก่า ต้องหาธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งวันนี้โลกเปลี่ยนเร็วมาก เราต้องปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลก

อย่างไรก็ตาม ในภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีสงครามการค้า เป็นโอกาสของไทยที่จะได้ประโยชน์ เนื่องจากในมุมมองประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาและจีนมองเห็นไทยเป็นมิตร เราจึงสามารถเป็นตัวกลางเชื่อมการลงทุนกลับมาที่ประเทศเราได้

วันนี้ (17 กันยายน) พิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวปาฐกถาพิเศษ ‘ยุทธศาสตร์การค้าและการส่งออกของไทย’ ในงานสัมมนาใหญ่สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ประจำปี 2024 ว่า ขอบคุณ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่มอบหมายให้ดูแลกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งจะพยายามทำให้ดีที่สุด

“วันนี้โลกเปลี่ยนเร็วมาก เราต้องปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลก มีสิ่งที่ต้องระวังหลายเรื่อง เช่น การใช้ระบบ AI, สภาวะอากาศที่แรงสุดขั้ว, การแบ่งขั้วแบ่งฝ่ายของโลก, Cyber Security, ความขัดแย้งระหว่างประเทศที่เป็นวงกว้างขึ้น, เรื่องโอกาสทางเศรษฐกิจที่รัฐต้องช่วยให้คนไม่จน ต้องให้คนมีโอกาสทางเศรษฐกิจ, เรื่องเงินเฟ้อ, เรื่องการบังคับโยกย้ายถิ่นฐาน, เรื่องเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ซึ่งปีนี้เศรษฐกิจโลกไม่ค่อยดี การเจริญเติบโตทั้งโลกเฉลี่ย 2% ต้องทำให้เศรษฐกิจไทยโตสวนเศรษฐกิจโลกให้ได้ และเรื่องมลภาวะ” พิชัยกล่าว

โดยทิศทางและนโยบายของกระทรวงพาณิชย์จากนี้จะดำเนินการผ่านกรอบ 10 นโยบายสำคัญ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และขยายโอกาส มีดังนี้

  1. นโยบายลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และขยายโอกาส ซึ่งเป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่จะลดรายจ่ายให้ประชาชน เพิ่มรายได้ และให้โอกาสกับประชาชนเพิ่มขึ้น โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย เพราะโลกเปลี่ยนแปลงเร็ว
  2. การบริหารให้เกิดความสมดุลระหว่างผู้บริโภค เกษตรกร และผู้ประกอบการ ให้ทุกฝ่ายอยู่ได้ ถ้าคนรายได้ดีก็สามารถซื้อของแพงได้
  3. การทำงานเชิงรุกระหว่างพาณิชย์จังหวัดและทูตพาณิชย์ เชื่อมโยงสินค้าของแต่ละจังหวัดไปยังต่างประเทศผ่านทูตพาณิชย์ เราจะดำเนินการอย่างไม่มีรอยต่อ นำสินค้าไทยไปขายในตลาดโลกได้อย่างรวดเร็ว
  4. การแก้ข้อจำกัดของกฎหมายและปรับปรุงข้อกฎหมายที่ล้าสมัย รัฐบาลมุ่งหวังที่จะตัดปัญหาข้อกฎหมายให้ทำงานได้คล่องขึ้น เร่งแก้ไขสิ่งที่เป็นอุปสรรค โดยเฉพาะการค้าออนไลน์ที่โตขึ้นเรื่อยๆ 
  5. ร่วมขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจฐานราก โดยที่ความสำเร็จนั้นรัฐบาลวัดจากที่ว่าเราช่วยคนลำบากได้ขนาดไหน ต้องมองคนข้างหลังแล้วเดินไปด้วยกัน คนระดับล่างต้องอยู่ได้และมีความเป็นอยู่ที่ดี 
  1. เร่งผลักดันการส่งออกให้ตัวเลขเป็นบวกขึ้น ปีนี้โชคดีที่ 7-8 เดือนแรกการส่งออกเติบโตถึง 3.8% แต่จะทำอย่างไรให้ขยายโตต่อไป สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า หรือ สนค. บอกว่า การส่งออกไทยยังมีแนวโน้มที่จะขยายตัวได้อีก เดือนล่าสุด (กรกฎาคม 2567) การส่งออกไทยโตถึง 15.2% หวังว่าเราจะสามารถรักษาการเติบโตของการส่งออกต่อไปได้
  2. การเร่งเจรจา FTA เป็นเรื่องที่จำเป็น ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะเร่งเดินหน้า FTA ปีนี้ไทย-เอฟตา (EFTA) น่าจะสำเร็จ ซึ่งเอฟตาประกอบด้วยสมาชิก 4 ประเทศ สวิตเซอร์แลนด์ ,นอร์เวย์, ไอซ์แลนด์ และลิกเตนสไตน์ และจะเร่งเจรจา FTA ไทย-อียู ให้สำเร็จ พร้อมผลักดันใช้ประโยชน์ FTA อย่างเต็มที่
  3. พานักธุรกิจไทยไปบุกต่างประเทศ ซึ่งภาครัฐกับเอกชนต้องร่วมมือกัน 
  4. ปรับโครงสร้างการส่งออกให้ทันสมัย ที่ผ่านมาเรากินบุญเก่า ต้องหาธุรกิจใหม่ๆ อาทิ เรื่อง PCB (แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์) ต้องเร่งให้เกิดมากขึ้น ปีที่แล้วมีการลงทุนแล้วกว่า 1.5 แสนล้านบาท 

โดยวันที่ 25-29 กันยายนนี้ จะมี International Live Commerce Expo 2024 พาอินฟลูเอ็นเซอร์จากจีนมาไลฟ์ขายสินค้าไทย และเรื่องการค้ากับจีนจะร่วมมือกัน การขายสินค้าต้องมีมาตรฐาน, มี มอก. และ อย. เราต้องทำดีกับทุกประเทศ ให้มีการลงทุนจากจีนและสหรัฐอเมริกามาไทยเยอะๆ รวมทั้งกับอินเดีย ก็เป็นโอกาสการค้าและการลงทุน

  1. ต้องส่งเสริมสินค้ารักษ์โลก เพราะปัญหาโลกร้อนจะเพิ่มขึ้น โดยเร็วๆ นี้ประเทศไทยกำลังจะเทรดคาร์บอนเครดิต 

“ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่กระทรวงพาณิชย์อยากทำและอยากเห็น กรอบคิดของเราคือซัพพอร์ต ทำอย่างไรให้พวกท่านรวยขึ้น นำเงินเข้ามาในประเทศเยอะๆ พัฒนาประเทศเยอะๆ จ่ายภาษีเยอะๆ เพื่อนำเงินมาพัฒนาประเทศ ด้วยเศรษฐกิจไทยที่เติบโตต่ำมานานเกือบ 10 ปีเพียงแค่ 1.9% อย่างไรก็ตาม ในภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีสงครามการค้า เป็นโอกาสของไทยที่จะได้ประโยชน์ เนื่องจากในมุมมองประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาและจีนมองเห็นไทยเป็นมิตร เราจึงสามารถเป็นตัวกลางเชื่อมการลงทุนกลับมาที่ประเทศเราได้” พิชัยกล่าว

ด้าน อธิป พีชานนท์ ประธานคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาสมาคมการค้า สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เพื่อเตรียมตัวรับกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อน เพราะจะเป็นอีกหนึ่งแรงสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศให้เข้มแข็ง โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐหลักที่มีภารกิจโดยตรงในการพัฒนาศักยภาพสมาคมการค้า ก็จะได้รับทราบแนวคิดของภาคเอกชน เพื่อนำไปพิจารณาให้ตรงจุดกับภาคธุรกิจ


Line

คะแนนโหวต :
starstarstarstarstar
จำนวนการเข้าชม : 113,895